การเล่นบาคาร่าออนไลน์ที่ FUN88 ไม่เพียงแต่ให้ความสนุกสนาน แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นทำกำไรได้จริง การเลือกเดิมพันระหว่าง Player, Banker และ Tie เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของเกม ด้วยบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้วิธีเปรียบเทียบและวิเคราะห์แต่ละฝั่งอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเดิมพันของคุณฉลาดและได้กำไรมากขึ้น
ทำความรู้จักการเดิมพันทั้งสามแบบใน Baccarat
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกฝั่งเดิมพัน เรามาทำความเข้าใจกติกาและตัวเลือกการเดิมพันพื้นฐานของเกมบาคาร่ากันก่อน
กติกาเบื้องต้นของเกมบาคาร่า
บาคาร่าเป็นเกมที่ตัดสินกันด้วยการรวมแต้มไพ่ โดยไพ่ A มีค่า 1 แต้ม, ไพ่ 2-9 มีค่าตามหน้าไพ่, และไพ่ 10, J, Q, K มีค่า 0 แต้ม เป้าหมายของเกมคือการทำให้แต้มรวมของไพ่ใกล้เคียง 9 มากที่สุด หากผลรวมของไพ่เกิน 9 จะนับแค่หลักหน่วย เช่น 15 แต้มจะนับเป็น 5
ความหมายของแต่ละตัวเลือกเดิมพัน:
ในการเล่น Baccarat ผู้เล่นสามารถเลือกวางเดิมพันได้ 3 รูปแบบหลักๆ ได้แก่ Player, Banker และ Tie
Player (ผู้เล่น)
การเดิมพันฝั่ง Player คือการทายว่าฝั่ง “ผู้เล่น” จะเป็นฝ่ายชนะ โดยมีแต้มรวมของไพ่สูงกว่าฝั่ง Banker การเดิมพันฝั่งนี้จะได้รับเงินรางวัล 1 ต่อ 1 หรือเรียกง่ายๆ ว่าแทง 100 ได้ 100 บาท ไม่รวมทุน
Banker (เจ้ามือ)
การเดิมพันฝั่ง Banker คือการทายว่าฝั่ง “เจ้ามือ” จะเป็นฝ่ายชนะ การเดิมพันฝั่งนี้มีโอกาสชนะสูงกว่าฝั่ง Player เล็กน้อย แต่หากชนะ ผู้เล่นจะถูกหัก ค่าคอมมิชชั่น 5% ของเงินรางวัล เช่น แทง 100 ได้ 95 บาท (หักคอมมิชชั่น 5 บาท)
Tie (เสมอ)
การเดิมพัน Tie คือการทายว่าผลรวมแต้มของทั้งสองฝั่ง (Player และ Banker) จะออกมาเท่ากัน การเดิมพันแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ก็มาพร้อมกับอัตราการจ่ายเงินที่สูงกว่าสองตัวเลือกแรกมาก
อัตราการจ่ายเงินของแต่ละฝั่ง
- Player: จ่าย 1 ต่อ 1 (เช่น เดิมพัน 100 บาท ได้รับ 100 บาท)
- Banker: จ่าย 0.95 ต่อ 1 (เช่น เดิมพัน 100 บาท ได้รับ 95 บาท เนื่องจากหักคอมมิชชั่น 5%)
- Tie: โดยทั่วไปจะจ่าย 8 ต่อ 1 หรือ 9 ต่อ 1 ขึ้นอยู่กับแต่ละคาสิโน (เช่น เดิมพัน 100 บาท ได้รับ 800 หรือ 900 บาท)

เปรียบเทียบโอกาสชนะ และความได้เปรียบของคาสิโน (House Edge)
การเข้าใจถึงโอกาสชนะและความได้เปรียบของคาสิโน (House Edge) ของแต่ละฝั่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการเดิมพันใน Baccarat เพราะสิ่งนี้จะส่งผลโดยตรงต่อผลตอบแทนในระยะยาวของคุณ
ฝั่ง Banker: โอกาสชนะสูงที่สุด แต่มีค่าคอมมิชชั่น 5%
จากการคำนวณทางสถิติแล้ว ฝั่ง Banker มีโอกาสชนะสูงที่สุด โดยเฉลี่ยประมาณ 45.86% ซึ่งสูงกว่าฝั่ง Player เล็กน้อย นี่คือเหตุผลที่คาสิโนต้องมีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% เมื่อคุณชนะเดิมพันฝั่ง Banker เพื่อรักษาสมดุลของ House Edge
ฝั่ง Player: โอกาสชนะน้อยกว่านิดหน่อย แต่ไม่โดนหักค่าคอม
ฝั่ง Player มีโอกาสชนะอยู่ที่ประมาณ 44.62% ซึ่งน้อยกว่าฝั่ง Banker เล็กน้อย แต่ข้อดีคือคุณจะไม่ถูกหักค่าคอมมิชชั่นเมื่อชนะเดิมพัน ทำให้ได้เงินรางวัลเต็มจำนวน 1 ต่อ 1
ฝั่ง Tie (เสมอ): ได้เงินรางวัลสูง (8:1 หรือ 9:1) แต่โอกาสชนะต่ำมาก
การเดิมพัน Tie มีโอกาสชนะต่ำที่สุด เพียงประมาณ 9.52% เท่านั้น แม้ว่าอัตราการจ่ายเงินจะสูงถึง 8 หรือ 9 เท่า แต่ด้วยโอกาสที่น้อยมาก ทำให้การเดิมพัน Tie ไม่ใช่ตัวเลือกที่แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรในระยะยาว

ตารางเปรียบเทียบโดยละเอียด
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น ลองพิจารณาตารางเปรียบเทียบโอกาสชนะ, อัตราการจ่าย และความได้เปรียบของคาสิโน (House Edge) ของแต่ละตัวเลือก:
ตัวเลือกเดิมพัน | โอกาสชนะ | อัตราการจ่าย | ความได้เปรียบของคาสิโน |
Banker | ~45.86% | 0.95:1 | ~1.06% |
Player | ~44.62% | 1:1 | ~1.24% |
Tie | ~9.52% | 8:1 หรือ 9:1 | ~14.36% |
จากตารางจะเห็นได้ว่า ฝั่ง Banker มี House Edge ต่ำที่สุด เพียงประมาณ 1.06% ซึ่งหมายความว่าในระยะยาวแล้ว การเดิมพันฝั่ง Banker จะทำให้คุณเสียเปรียบคาสิโนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ
ควรเลือกเดิมพันฝั่งไหน? กลยุทธ์ที่ควรใช้สำหรับผู้เล่น Baccarat
เมื่อทราบถึงโอกาสชนะและ House Edge ของแต่ละฝั่งแล้ว คำถามถัดมาคือ “ควรเลือกเดิมพันฝั่งไหนดี?” นี่คือกลยุทธ์และคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น
ทำไมเซียนส่วนใหญ่ถึงเลือกเดิมพันที่ Banker
จากตารางเปรียบเทียบข้างต้น จะเห็นได้ว่า ฝั่ง Banker มี House Edge ต่ำที่สุด ซึ่งหมายความว่าในระยะยาวแล้ว การเดิมพันฝั่ง Banker จะให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกมากกว่าเมื่อเทียบกับฝั่งอื่น ๆ แม้จะมีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% แต่ด้วยอัตราการชนะที่สูงกว่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่เซียนบาคาร่าส่วนใหญ่นิยมเลือกวางเดิมพัน
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนไปเดิมพันที่ Player
แม้ว่า Banker จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องยึดติดกับมันเสมอไป คุณอาจพิจารณาเปลี่ยนไปเดิมพันที่ Player ในสถานการณ์ที่:
- ตามเค้าไพ่: หากเค้าไพ่กำลังออก Player ติดต่อกันหลายครั้ง การตามเค้าไพ่ไปกับ Player ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
- ต้องการหลีกเลี่ยงค่าคอมมิชชั่น: หากคุณต้องการได้เงินรางวัลเต็มจำนวนโดยไม่ถูกหักค่าคอมมิชชั่น ฝั่ง Player ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แม้ House Edge จะสูงกว่าเล็กน้อย
ควรเล่น Tie ไหม? ควรวางเดิมพัน Tie อย่างไรให้คุ้ม
การเดิมพัน Tie ไม่ใช่ตัวเลือกที่แนะนำสำหรับการทำกำไรในระยะยาว เนื่องจากมี House Edge ที่สูงมาก (ประมาณ 14.36%) ทำให้คุณเสียเปรียบคาสิโนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการลองเสี่ยงดวงเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูง การเดิมพัน Tie เพียงเล็กน้อยในบางครั้งก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรเป็นกลยุทธ์หลักในการเล่น

กลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับผู้เล่น Baccarat
นอกจากการเลือกฝั่งเดิมพันแล้ว การใช้กลยุทธ์ในการวางเงินเดิมพันก็มีส่วนสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
Flat Betting (แทงคงที่)
กลยุทธ์ Flat Betting คือการวางเงินเดิมพันในจำนวนที่เท่ากันทุกครั้ง ไม่ว่าผลลัพธ์ของตาที่แล้วจะเป็นอย่างไร กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการควบคุมความเสี่ยง และไม่ต้องการให้การเดิมพันแต่ละครั้งมีผลกระทบต่อเงินทุนมากนัก
แทงทบแบบ Martingale หรือ Fibonacci
- Martingale: เป็นกลยุทธ์ที่เมื่อแพ้ในตาใด ให้เพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าในตาถัดไป โดยมีเป้าหมายเพื่อชดเชยเงินที่เสียไปและทำกำไรคืนมาเมื่อชนะ กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูงและอาจทำให้เงินทุนหมดลงได้อย่างรวดเร็วหากเจอช่วงที่แพ้ติดต่อกันนานๆ
- Fibonacci: เป็นกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับ Martingale แต่มีความก้าวร้าวน้อยกว่า โดยจะเพิ่มเงินเดิมพันตามลำดับตัวเลข Fibonacci (1, 1, 2, 3, 5, 8, …) เมื่อแพ้ และจะกลับไปเริ่มต้นใหม่เมื่อชนะ
Follow Banker (ตามเค้าไพ่เจ้ามือ)
กลยุทธ์นี้คือการสังเกตเค้าไพ่ที่ออก โดยเฉพาะหากฝั่ง Banker ชนะติดต่อกันหลายครั้ง ให้ตามวางเดิมพันที่ Banker ไปเรื่อยๆ จนกว่าเค้าไพ่จะเปลี่ยน กลยุทธ์นี้อาศัยการสังเกตและประสบการณ์ในการอ่านเค้าไพ่
ข้อควรระวัง: การจัดการเงินทุนเป็นปัจจัยสำคัญ ไม่ใช่แค่เลือกฝั่งเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะเลือกกลยุทธ์ใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ จัดการเงินทุน (Bankroll Management) อย่างมีวินัย กำหนดงบประมาณในการเล่น และยึดมั่นในงบประมาณนั้นเสมอ ไม่ควรไล่ตามเงินที่เสียไป และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดเล่น
วิธีแทงบาคาร่าแบบง่ายๆ ที่ FUN88 สำหรับมือใหม่
สำหรับมือใหม่ที่สนใจอยากลองเล่นบาคาร่าออนไลน์ FUN88 เป็นหนึ่งในเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมและมีระบบการเล่นที่เข้าใจง่าย
ขั้นตอนที่ 1: สมัครสมาชิกหรือเข้าสู่ระบบบัญชี FUN88
หากยังไม่มีบัญชี คุณสามารถสมัครสมาชิกใหม่ได้ง่ายๆ โดยกรอกข้อมูลที่จำเป็นตามขั้นตอนที่เว็บไซต์กำหนด หรือหากมีบัญชีอยู่แล้วก็สามารถเข้าสู่ระบบได้เลย – ดูวิธีสมัครสมาชิก
ขั้นตอนที่ 2: เลือกห้องคาสิโนสด → เลือกเกมบาคาร่า
เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้ไปที่เมนู “Live Casino” จากนั้นเลือกเกม “Baccarat” ซึ่งจะมีห้องบาคาร่าให้เลือกมากมาย
ขั้นตอนที่ 3: เลือกโต๊ะและจำนวนเงินที่ต้องการเดิมพัน
เลือกโต๊ะบาคาร่าที่คุณต้องการเล่น ซึ่งแต่ละโต๊ะอาจมีวงเงินเดิมพันขั้นต่ำ-สูงสุดที่แตกต่างกัน จากนั้นเลือกชิปเงินตามจำนวนที่คุณต้องการวางเดิมพัน
ขั้นตอนที่ 4: วางเดิมพันที่ Player, Banker หรือ Tie แล้วรอลุ้นผล
เมื่อเลือกชิปแล้ว ให้คลิกที่ช่อง “Player”, “Banker” หรือ “Tie” บนโต๊ะเพื่อวางเดิมพัน จากนั้นรอดีลเลอร์แจกไพ่และเปิดผลลัพธ์ หากทายถูกก็จะได้รับเงินรางวัล
การเลือกฝั่งเดิมพันใน Baccarat ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน โอกาสชนะ และ House Edge ของแต่ละฝั่ง รวมถึงการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและสนุกกับการเล่น Baccarat ได้อย่างเต็มที่ จงจำไว้ว่าการเดิมพันมีความเสี่ยง ควรเล่นอย่างมีความรับผิดชอบและบริหารจัดการเงินทุนอย่างชาญฉลาด เพื่อให้การเล่น Baccarat เป็นประสบการณ์ที่สนุกและคุ้มค่าสำหรับคุณ
พร้อมที่จะทดลองใช้กลยุทธ์ของคุณแล้วหรือยัง? สมัครสมาชิกและเริ่มเล่นบาคาร่าที่ ฟัน88 วันนี้ เพื่อประสบการณ์การเดิมพันที่ดีที่สุด
FAQs
จากข้อมูลในบทความ การเดิมพัน Banker มีโอกาสชนะสูงที่สุด โดยเฉลี่ยประมาณ 45.86% แม้จะมีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าครับ
เซียนส่วนใหญ่เลือก Banker เพราะมี House Edge (ความได้เปรียบของคาสิโน) ต่ำที่สุดที่ประมาณ 1.06% ซึ่งหมายความว่าในระยะยาวแล้ว ผู้เล่นจะเสียเปรียบคาสิโนน้อยที่สุดเมื่อเลือกฝั่งนี้ครับ
การเดิมพัน Tie มีอัตราการจ่ายสูง แต่มี โอกาสชนะต่ำมาก (ประมาณ 9.52%) และมี House Edge สูงสุดที่ ~14.36% จึงไม่แนะนำสำหรับการทำกำไรในระยะยาว ควรเล่นเพียงเล็กน้อยเพื่อความตื่นเต้นเท่านั้นครับ